ประวัติพระอุปคุต

                   พระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม  เป็นพระบูชาที่นิยมกันมากในหมู่ชาวพุทธ มอญ พม่า อินเดีย เขมร ลาว และชาวไทยโดยเฉพาะทางภาคเหนือ            เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเชื่อกันว่าพระอุปคุตมีฤทธานุภาพทางด้านทำให้เกิดลาภสักการะ มั่งคั่งร่ำรวย และยังสามารถขจัดปัดเป่าให้ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ และปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์


                    พระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม นับเป็นพระอรหันต์พุทธสาวกผู้มีฤทธิ์มากรูปหนึ่ง  เกิดสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชหลังพุทธกาลถึง 200 กว่าปี  โดยแรกเริ่มเดิมทีตอนที่ท่านยังไม่ได้ออกบวชนั้น  ท่านได้ช่วยพ่อแม่ค้าขายเครื่องหอมในตลาดที่เมืองมถุรา ประเทศอินเดีย     ปรากฎว่ากิจการของท่านประสบความสำเร็จมาก  ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามีลูกค้าอุดหนุนมากมายตลอดเวลา       ต่อมาภายหลังท่านได้ออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา   ได้มีความตั้งใจในการปฏิบัติ  เจริญวิปัสสนากรรมฐานเรื่อยมาจนกระทั่งสำเร็จบรรลุเป็นพระอรหันต์              ท่านจึงได้เป็นอาจารย์สั่งสอนทางด้านการเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน    และมีพระอรหันต์เป็นลูกศิษย์มากถึง 18,000 รูป         ว่ากันว่าพระอุปคุตมักจำศีลบำเพ็ญฌาณสมาบัติอยู่ใต้ท้องทะเล(สะดือทะเล)

                    ภายหลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ขึ้นครองราชบัลลังก์     พระองค์ทรงมีพระทัยเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามากหลังจากได้ทรงสดับฟังการแสดงธรรมของสามเณรนิโครธ  (แม้ว่าแต่เดิมพระองค์ทรงนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน)      โดยเหตุนี้พระองค์จึงทรงนำหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ามาเป็นนโยบายการปกครองประชาชนในราชอาณาจักรของพระองค์   ยิ่งไปกว่านั้น  พระองค์ดำริโปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้น 84,000 องค์ และสร้างพุทธวิหารทั่วชมพูทวีป     

                     หลังจากที่พระองค์ได้ค้นพบพระบรมสารีริกธาตุและได้อัญเชิญไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์อันมีอยู่ ณ วิหารทั่วทุกเมืองทั้ง 84,000 แห่งทั่วชมพูทวีปแล้ว     พระองค์ทรงปรารถนาที่จะกระทำพิธีการฉลองพระสถูปเจดีย์ทั้งหมด 84,000 องค์พร้อมกับพระมหาสถูปเจดีย์องค์ใหม่  โดยจะทำมหาสักการบูชาให้ครบกำหนด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน  และเพื่อป้องกันอันตรายจากพญามารที่จะมาทำลายพิธีและเป็นอุปสรรคในการทรงบำเพ็ญพระราชมหากุศลครั้งนี้   พระองค์จึงได้ทรงค้นหาพระภิกษุผู้มีมหิทธานุภาพยิ่งมาปกป้อง     


                     ในที่สุดได้มีฉันทามติจากเหล่าคณะสงฆ์ให้นิมนต์พระอุปคุตเถระมา  ซึ่งพระอุปคุตมีความเฉลียวฉลาดรอบรู้ในพระธรรมวินัยพุทธโอวาส  อีกทั้งสมบูรณ์ด้วยศีลสมาธิปัญญา และมีอิทธิฤทธิ์มาก  สามารถป้องกันอันตรายจากหมู่มารที่จะมากระทำอันตรายได้  โดยคณะสงฆ์ให้พระภิกษุ 2 รูปผู้มีอภิญญาสมาบัติดำดินลงไปที่ปราสาทแก้วของพระอุปคุตในมหาสมุทรและนิมนต์ท่านมา

                      เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงถวายนมัสการพระอุปคุตแล้ว   ทรงสังเกตุเห็นว่าพระอุปคุตมีร่างกายผ่ายผอมมากจึงทรงไม่แน่พระทัยว่าพระอุปคุตจะป้องกันอันตรายได้จริงหรือไม่     พระองค์จึงทรงทดสอบโดยทรงปล่อยช้างตกมันมาทำร้ายเพื่อทดสอบกำลังฤทธานุภาพ     พระอุปคุตจึงแสดงฤทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์โดยอธิษฐานจิตให้ช้างนี้กลายร่างเป็นหิน

                      เมื่อได้เวลาของกำหนดพิธีการมหาสักการบูชาพระสถูปเจดีย์ทั้ง 84,000 องค์    พญามารได้เริ่มทำลายการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้   พญามารได้บันดาลให้เกิดพายุลูกใหญ่และห่าฝนทรายกรดลุกโชนดุจเพลิงตกลงมา  ห่าฝนก้อนศิลา  ห่าฝนถ่านเพลิง  ห่าฝนลมกรด  ห่าฝนอาวุธต่าง ๆ ห่าฝนเถ้ารึง ห่าฝนเปลือกตม และยังบันดาลให้เกิดความมืดอันน่ากลัว   แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถทำลายพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลครั้งนี้ได้ด้วยพระอุปคุตได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หอบเอาสิ่งเหล่านี้ไปทิ้งนอกขอบจักรวาล

                      ในที่สุดพระอุปคุตได้คิดหาวิธีปราบพญามาร  โดยได้เนรมิตสุนัขเน่ามีกลิ่นเหม็นคลุ้งที่สุดเต็มไปด้วยหมู่หนอนมองดูน่าขยะแขยง    เอาไปผูกติดไว้ที่คอของพญามารพร้อมอธิษฐานไม่ให้มีผู้ใดสามารถแก้พันธนาการนี้ออกได้เลย   และท่านยังนำรัดประคดมาอธิษฐานให้ยาวพอที่จะมัดพญามารให้ติดอยู่กับภูเขา  และรอจนกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงทำมหกรรมสักการะบูชาจนเสร็จสิ้น 


                    ดังนี้ จึงเป็นที่มาของคติคนโบราณว่าหากจะมีพิธีหรืองานสำคัญใด ๆ หรือการทำบุญใหญ่ ๆ ใด ๆ ก็ตาม  มารที่เป็นคู่เวร(พระยาวัสวดีมาร) ของพระพุทธเจ้า  มักจะมาก่อกวนหรือขัดขวางเสมอ  ไม่มีใครปราบได้นอกจากพระอุปคุตเท่านั้น    จึงต้องกราบอาราธนาพระอุปคุตออกมาตั้งบูชา  ขอพรไม่ให้มีอุปสรรคเกิดขึ้น     บ้างก็นิยมกันไปอาราธนาในที่ที่มีน้ำ เช่น แม่น้ำ  , หนองน้ำ,  สระน้ำ  หรือบ่อน้ำ  คือขอให้มีน้ำ  เนื่องจากเรื่องเล่ากันว่าท่านจำพรรษาอยู่ที่สะดือทะเลใต้มหาสมุทร
                          

                 รูปลักษณะของพระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม ที่นิยมสร้างบูชากันมากนั้น   มักเป็นรูปของพระเถระที่นั่งก้มหน้า  มีใบบัวคลุมอยู่บนเศียรหรือศีรษะ     และมีตุ้มปักอยู่บนหน้าผาก    ตามหัวไหล่    หัวเข่า  บนเศียรหรือที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง  โดยมากจะมี 5 เข็ม,   7 เข็ม,     9 เข็มหรือมีมากกว่านี้     ซึ่งเดิมทีเชื่อว่าตุ้มเหล่านี้เป็นช่องสำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ให้พ้นจากภยันตรายจากพญามารวัสวดีมาร  ซึ่งเป็นพญามารที่เคยพยายามทำอันตรายพระพุทธเจ้าในกาลก่อน  และยังมาก่อกวนทำลายพิธีทำบุญฉลองพระบรมสารีริกธาตุในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช   จนในที่สุดได้ถูกพระอุปคุตใช้อิทธิ์ฤทธิ์ปราบจนพ่ายแพ้ไป       ต่อมาภายหลังพระบรมสารีริกธาตุหายากจึงอาจจะไม่ได้บรรจุไว้ตามตุ้ม   จึงทำเป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ไว้เท่านั้น      ส่วนฐานรองนั้น มักเป็นดอกบัวคว่ำดอกหนึ่ง หงายดอกหนึ่ง ที่ใต้ฐานมีรูปดอกบัว  ใบบัว  เต่า  ปลา  ปู       

 
                    บางลักษณะถูกสร้างเป็นรูปพระเถระนั่งแหงนหน้า  มือซ้ายอุ้มบาตร  มือขวาจกบาตรแบบฉันภัตตาหาร  ซึ่งเรียกกันว่า "ปางจกบาตรพิชิตมาร"      

                    บางลักษณะเป็นรูปนั่ง  มือถือดอกบัว ด้านหลังของท่านเป็นรูปเศียรช้าง  ซึ่งหมายถึงตอนที่ท่านอธิษฐานให้ช้างตกมันมีร่างกลายเป็นหิน  และมีขนดนาค ขนดงู และหอย อันเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านจำศีลอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร   

              



                     ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน  หรือที่ชาวเหนือเรียกกันว่า "ประเพณีเพ็งพุธ"  (คำว่า "เพ็ง" เป็นคำพื้นเมือง  มีความหมายว่า  คืนวันเพ็ญ หรือคืนวันพระจันทร์เต็มดวง)  นับเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาวล้านนาในแถบจังหวัดเชียงราย  เชียงใหม่    ซึ่งเข้าใจว่ามีอิทธิพลที่มาจากทางพม่า(ด้วยในอดีตอาณาจักรล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าคราวที่พระเจ้าบุเรงนองยกทัพมาตี)       

                    กล่าวคือ   พระภิกษุสามเณรในเมืองจะออกบิณฑบาตในช่วงเที่ยงคืน      ในทุกปีที่มีวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ   โดยไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในเดือนใด  ดังนั้นบางปีอาจจะมีเพียงครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง และบางปีก็ไม่มีเลย    

                    ดังนั้น เมื่อถึงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ  บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวเหนือที่มีความเชื่อและศรัทธาพระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม   ต่างก็จะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้คอยใส่บาตรกันตามถนนหนทาง       โดยมีความเชื่อกันว่า พระอุปคุตพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์มากจะออกจากการจำพรรษาเหาะขึ้นมาจากมหาสมุทร(สะดือทะเล)  โดยจะแปลงกายเป็นสามเณรน้อยออกมาโปรดสัตว์     ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตแล้ว    บุคคลผู้นั้นจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี  บังเกิดแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ตน   ได้อานิสงค์มากแคล้วคลาดจากอุปสรรคและอันตรายทั้งปวง